การนำเข้าสินค้าจากจีนมีขนส่ง

แบบไหนบ้าง

จีนมีขนส่งแบบบไหนบ้าง

เรียกได้ว่าการนำเข้าสินค้าจากจีนสามารถใช้บริการขนส่งได้หลายรูปแบบ โดยแต่ละวิธีมีความเหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้า ปริมาณ และงบประมาณที่มี ดังนี้:

สารบัญขนส่ง

การขนส่งทางเรือมีกี่ประเภท (Sea Freight)

ขนส่งทางเรือ

การขนส่งทางเรือสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการขนส่งและประเภทของสินค้าที่ขนส่ง โดยทั่วไปมีประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  1. การขนส่งแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ (Full Container Load: FCL)
  • รายละเอียด: เป็นการเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้เพื่อบรรจุสินค้า โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดในตู้คอนเทนเนอร์เป็นของผู้ส่งรายเดียว
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าจำนวนมากหรือมีน้ำหนักมากที่ต้องการขนส่งโดยไม่ต้องแบ่งพื้นที่กับผู้ส่งรายอื่น
  • ข้อดี: ปลอดภัยเพราะเป็นสินค้าของคุณทั้งหมดในตู้ ลดความเสี่ยงในการเสียหายหรือสูญหาย
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับการแบ่งพื้นที่ขนส่ง หากสินค้าไม่เต็มตู้
  1. การขนส่งแบบไม่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ (Less than Container Load: LCL)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่ปริมาณไม่มากพอจะเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ ดังนั้นสินค้าจะถูกจัดวางร่วมกับสินค้าของผู้ส่งรายอื่นในตู้เดียวกัน
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีสินค้าปริมาณน้อยที่ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่คอนเทนเนอร์เต็มตู้
  • ข้อดี: ค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการเช่าตู้เต็มตู้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีสินค้าน้อย
  • ข้อเสีย: ความเสี่ยงของการเสียหายหรือสูญหายเพิ่มขึ้น เพราะสินค้าต้องขนส่งร่วมกับผู้ส่งรายอื่น ๆ
  1. การขนส่งสินค้าเทกอง (Bulk Shipping)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่ไม่มีบรรจุภัณฑ์แบบตู้คอนเทนเนอร์ เช่น สินค้าเกษตร, วัตถุดิบอุตสาหกรรม, แร่ธาตุ, น้ำมัน, ถ่านหิน สินค้าจะถูกขนส่งในรูปแบบเทกองโดยไม่มีการบรรจุหีบห่อ
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าประเภทของเหลว, ผง หรือสินค้าที่มีปริมาณมากและไม่ต้องการบรรจุภัณฑ์เฉพาะ
  • ข้อดี: สามารถขนส่งได้ในปริมาณมาก ทำให้มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำ
  • ข้อเสีย: การขนถ่ายสินค้าอาจซับซ้อน และต้องใช้เรือหรืออุปกรณ์พิเศษในการขนส่ง
  1. การขนส่งแบบเรือบรรทุกยานพาหนะ (Roll-on/Roll-off: RoRo)
  • รายละเอียด: เป็นการขนส่งยานพาหนะ เช่น รถยนต์, รถบรรทุก, รถจักรยานยนต์ หรือเครื่องจักรที่สามารถขับขึ้นและลงเรือได้
  • เหมาะสำหรับ: การขนส่งยานพาหนะทุกประเภท หรือเครื่องจักรที่ไม่สามารถขนส่งด้วยคอนเทนเนอร์ได้
  • ข้อดี: สะดวกและประหยัดเวลาสำหรับการขนส่งยานพาหนะขนาดใหญ่
  • ข้อเสีย: ไม่เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้เอง
  1. การขนส่งแบบเรือบรรทุกของเหลว (Tanker Shipping)
  • รายละเอียด: เรือบรรทุกสินค้าที่เป็นของเหลว เช่น น้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, สารเคมี
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าประเภทของเหลวที่ต้องการการขนส่งในปริมาณมาก
  • ข้อดี: มีความเชี่ยวชาญในการขนส่งของเหลวโดยเฉพาะ
  • ข้อเสีย: การขนส่งสินค้าประเภทนี้ต้องการมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด

การขนส่งทางอากาศมีกี่ประเภท (Air Freight)

ขนส่งทางอากาศ

การขนส่งทางอากาศ (Air Freight) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะและวิธีการขนส่งสินค้า โดยหลัก ๆ มีประเภทดังนี้:

  1. การขนส่งสินค้าทางอากาศแบบทั่วไป (General Air Freight)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าทั่วไปที่ไม่ต้องการการจัดเก็บพิเศษ เช่น เสื้อผ้า, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ของใช้ประจำวัน
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าทั่วไปที่ไม่ต้องการสภาวะควบคุมพิเศษ
  • ข้อดี: สะดวกและรวดเร็ว เหมาะกับสินค้าที่ต้องการขนส่งด่วน
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางเรือ
  1. การขนส่งสินค้าทางอากาศแบบด่วน (Express Air Freight)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในลักษณะที่เน้นความรวดเร็วที่สุด โดยใช้บริการของบริษัทขนส่งด่วนเช่น DHL, FedEx, UPS เป็นต้น
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น เอกสารสำคัญ, ตัวอย่างสินค้า, สินค้าฉุกเฉิน
  • ข้อดี: ได้รับสินค้าในระยะเวลาที่สั้นมาก (1-3 วัน)
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงมากเมื่อเทียบกับวิธีขนส่งอื่น ๆ
  1. การขนส่งสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Controlled Air Freight)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิ เช่น อาหารสด, ยารักษาโรค, เวชภัณฑ์ หรือสินค้าที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่ต้องรักษาคุณภาพภายใต้เงื่อนไขอุณหภูมิ เช่น อาหารแช่แข็ง, ยา, ผลิตภัณฑ์ที่เน่าเสียง่าย
  • ข้อดี: รักษาคุณภาพสินค้าได้ดีโดยการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์พิเศษ
  1. การขนส่งสินค้าขนาดใหญ่และหนัก (Heavy and Oversized Air Freight)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักมาก เช่น เครื่องจักร, อุปกรณ์อุตสาหกรรม, ยานพาหนะ
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่มีขนาดเกินมาตรฐานที่เครื่องบินโดยสารทั่วไปสามารถรับได้ เช่น เครื่องบินบรรทุกสินค้าหรือเครื่องบินขนส่งเฉพาะ
  • ข้อดี: สามารถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถขนส่งด้วยวิธีปกติได้
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูง และมีข้อจำกัดด้านน้ำหนักและขนาด
  1. การขนส่งสินค้าจำพวกอันตราย (Dangerous Goods Air Freight)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่มีความเสี่ยงต่อการระเบิด, ไฟไหม้, หรือมีสารเคมีอันตราย เช่น แบตเตอรี่ลิเธียม, สารเคมี, อุปกรณ์ไฟฟ้าบางประเภท
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายตามกฎระเบียบของ IATA (International Air Transport Association)
  • ข้อดี: ขนส่งได้รวดเร็วและปลอดภัยเมื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด
  • ข้อเสีย: ต้องมีการจัดการพิเศษและเอกสารอนุญาตเฉพาะ ค่าใช้จ่ายสูง
  1. การขนส่งสินค้าทางอากาศแบบเช่าเหมาลำ (Charter Air Freight)
  • รายละเอียด: การเช่าเหมาลำเครื่องบินทั้งลำเพื่อขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับสินค้าที่มีความต้องการขนส่งในปริมาณมากและด่วน
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าปริมาณมากที่ต้องการขนส่งด่วนโดยไม่ต้องรอเที่ยวบินปกติ
  • ข้อดี: ขนส่งด่วนตามความต้องการผู้ใช้บริการ มีความยืดหยุ่นสูง
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขนส่งในรูปแบบปกติ

การขนส่งทางรถบรรทุกมีกี่ประเภท

(Truck Freight) 

การขนส่งทางรถบรรทุก

การขนส่งทางรถบรรทุก (Truck Freight) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะของสินค้าที่ขนส่งและประเภทของรถบรรทุกที่ใช้ โดยทั่วไปมีประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  1. การขนส่งแบบเต็มคัน (Full Truckload: FTL)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าทั้งหมดในรถบรรทุกคันเดียว สินค้าจะมาจากผู้ส่งรายเดียวและถูกส่งไปยังผู้รับรายเดียว
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าจำนวนมากที่สามารถบรรจุเต็มคันรถ เช่น สินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า, สินค้าอุปโภคบริโภค
  • ข้อดี: สินค้าเดินทางรวดเร็วถึงปลายทางโดยตรง ไม่มีการแบ่งพื้นที่กับผู้ส่งรายอื่น ลดความเสี่ยงต่อความเสียหาย
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงเมื่อเทียบกับการขนส่งแบบรวม (LTL) หากสินค้าไม่เต็มคันรถ
  1. การขนส่งแบบไม่เต็มคัน (Less than Truckload: LTL)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่ปริมาณไม่มากพอจะใช้รถบรรทุกทั้งคัน สินค้าจะถูกแบ่งพื้นที่ในรถบรรทุกกับผู้ส่งรายอื่น
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีสินค้าจำนวนเล็กน้อยและไม่ต้องการใช้รถบรรทุกทั้งคัน
  • ข้อดี: ค่าใช้จ่ายถูกกว่าการขนส่งแบบเต็มคันรถ เหมาะกับการขนส่งสินค้าจำนวนน้อย
  • ข้อเสีย: ระยะเวลาในการขนส่งอาจนานกว่าเนื่องจากต้องแบ่งเวลาและเส้นทางกับสินค้าของผู้ส่งรายอื่น
  1. การขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Refrigerated Trucking)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เช่น อาหารสด, ผลิตภัณฑ์แช่แข็ง, ยารักษาโรค
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่อ่อนไหวต่ออุณหภูมิหรือมีความต้องการสภาวะแวดล้อมเฉพาะ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม
  • ข้อดี: ควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดการเดินทางเพื่อรักษาคุณภาพสินค้า
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเนื่องจากต้องใช้รถบรรทุกที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิ
  1. การขนส่งสินค้าอันตราย (Hazardous Materials Trucking)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่เป็นอันตราย เช่น สารเคมี, วัตถุไวไฟ, วัตถุมีพิษ หรือสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงต่อความปลอดภัย
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่จัดเป็นวัตถุอันตรายตามข้อบังคับ เช่น แบตเตอรี่, น้ำมัน, ก๊าซ
  • ข้อดี: มีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดตามกฎระเบียบสำหรับการขนส่งสินค้าอันตราย
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเนื่องจากต้องมีการจัดการที่พิเศษและใช้ยานพาหนะที่ผ่านการรับรอง
  1. การขนส่งสินค้าขนาดใหญ่และหนัก (Flatbed Trucking)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก เช่น เครื่องจักร, วัสดุก่อสร้าง, คอนกรีต สินค้าจะถูกวางบนรถบรรทุกที่มีพื้นเรียบและไม่มีผนังหรือหลังคา
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่มีขนาดใหญ่หรือสินค้าที่ไม่สามารถขนส่งในรถบรรทุกปิดทึบได้
  • ข้อดี: สามารถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือมีรูปร่างพิเศษได้ง่าย
  • ข้อเสีย: สินค้าอาจมีความเสี่ยงจากสภาพอากาศหรือสภาพถนนเพราะไม่มีการป้องกันจากผนังหรือหลังคา
  1. การขนส่งสินค้าเบา (Light Truckload)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าขนาดเล็กหรือเบาที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ เช่น การขนส่งพัสดุขนาดเล็กหรือสินค้าขนาดย่อม
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่มีขนาดเล็กหรือมีน้ำหนักเบา เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก
  • ข้อดี: เหมาะกับสินค้าที่ไม่ต้องการพื้นที่ใหญ่ ประหยัดค่าใช้จ่าย
  • ข้อเสีย: ไม่สามารถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือหนักได้
  1. การขนส่งสินค้าด่วน (Expedited Trucking)
  • รายละเอียด: การขนส่งสินค้าที่เน้นความรวดเร็วและต้องการการจัดส่งทันที เช่น สินค้าฉุกเฉิน, อะไหล่เครื่องจักร
  • เหมาะสำหรับ: สินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น เอกสารหรือสินค้าที่ต้องส่งถึงปลายทางในระยะเวลาสั้น
  • ข้อดี: ส่งถึงปลายทางได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับกรณีฉุกเฉิน
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการขนส่งปกติ

สรุป

ในปัจจุบันส่วนใหญ่คนที่นำเข้าสินค้าจากจีนมักเลือกใช้ ขนส่งทางเรือ (Sea Freight) เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าและสามารถขนส่งสินค้าจำนวนมากหรือสินค้าขนาดใหญ่ได้อย่างคุ้มค่าแล้วสำหรับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วหรือมีมูลค่าสูง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าแฟชั่น คนมักเลือก ขนส่งทางอากาศ (Air Freight) แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ใช้เวลาน้อยกว่ามาก (เพียง 2-7 วัน) 

ทั้งนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมมากมายเกี่ยวการสั่งและนำเข้าสินค้าจากจีนหากคุณอยากรู้ข้อมูลมากขึ้นในเชิงลึกเรื่องนี้ทางเรามีคอร์สสอนสั่งของจากจีนมีทั้งการสอนตัวต่อตัวและแบบออนไลน์เมื่อเรียนแล้วจะช่วยให้คุณมีประสิทธิภาพในเรื่องนี้มากขึ้น

  • ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้
  • สอนตั้งแต่เริ่มต้น จนชำนาญ
  • การันตีผู้เรียน 99.5% เมื่อเรียนจบคอร์ส สามารถสั่งสินค้าเองได้เลย
  • มีทริคและเทคนิคพิเศษในการสั่งสินค้าผ่านเว็บให้ เฉพาะนักเรียนของเราทั้งนั้น

พิเศษคอร์ส เรียนออนไลน์

3,500 เหลือเพียง 2,499 / ตลอดชีพ

คลิ๊ก ! ซื้อคอร์สเรียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *