ทำกำไร

การนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และผู้ประกอบการที่ต้องการสินค้าราคาถูกเพื่อนำมาขายต่อ แต่หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจคือ การตั้งราคาขายที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถทำกำไรได้โดยไม่เสียเปรียบคู่แข่ง

ในบทความนี้ เราจะมาดู เทคนิคการตั้งราคาขายสินค้าจีน อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถกำหนดราคาที่เหมาะสมและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น

คำนวณต้นทุนที่แท้จริงให้ครบถ้วน

ก่อนที่จะตั้งราคาขาย ต้องคำนวณต้นทุนให้ครบถ้วน เพราะต้นทุนไม่ได้มีแค่ราคาสินค้า แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น

  1. ราคาสินค้าต่อหน่วย

  • หากซื้อจาก 1688 หรือ Taobao ราคาสินค้าจะถูกกว่า Alibaba แต่ต้องซื้อจำนวนมาก
  • ควรเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อหาต้นทุนที่ดีที่สุด
  1. ค่าขนส่งจากจีนมาไทย

  • การขนส่งมีหลายรูปแบบ ได้แก่ ขนส่งทางเรือ (LCL, FCL), ขนส่งทางอากาศ และขนส่งด่วน (Courier Express)
  • หากสินค้ามีน้ำหนักมาก อาจเลือกขนส่งทางเรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
  1. ค่าภาษีนำเข้าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

  • ภาษีนำเข้าอาจแตกต่างกันตามประเภทสินค้า ควรตรวจสอบก่อนนำเข้า
  • ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าผ่านพิธีการศุลกากร และค่าดำเนินการของ Shipping
  1. ค่าขนส่งภายในประเทศ

  • ค่าจัดส่งให้ลูกค้าผ่านไปรษณีย์, Kerry, Flash หรือบริการขนส่งอื่น ๆ
  • อาจต้องมีค่ากล่องบรรจุภัณฑ์หรือกันกระแทกเพิ่มเติม
  1. ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและโฆษณา

  • ค่าทำโฆษณา Facebook Ads, Google Ads, TikTok Ads
  • ค่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หรือการทำ SEO สำหรับร้านค้าออนไลน์

หลังจากรวมต้นทุนทั้งหมดแล้ว จึงสามารถนำไปใช้คำนวณราคาขายได้

ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและโฆษณา

ใช้สูตรคำนวณราคาขายให้ได้กำไร

  1. วิธีการตั้งราคาขั้นต่ำ (Markup Pricing)

สูตรที่นิยมใช้ในการตั้งราคาขั้นต่ำคือ

ราคาขาย = ต้นทุนรวม + กำไรที่ต้องการ

เช่น หากต้นทุนรวมต่อชิ้นอยู่ที่ 100 บาท และต้องการกำไร 50 บาท ราคาขายขั้นต่ำที่ควรตั้งคือ 150 บาท


  1. การตั้งราคาตามเปอร์เซ็นต์กำไร (Profit Margin Pricing)

บางคนอาจใช้วิธีตั้งราคาตามเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่ต้องการ เช่น

ราคาขาย = ต้นทุนรวม ÷ (1 – อัตรากำไรที่ต้องการ)

ตัวอย่าง:

  • หากต้นทุนรวม = 100 บาท
  • และต้องการกำไร 40%
  • ราคาขาย = 100 ÷ (1 – 0.40) = 166.67 บาท

  1. การตั้งราคาตามคู่แข่ง (Competitive Pricing)
  • เช็คราคาตลาดจาก Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ
  • หากคู่แข่งขายที่ 200 บาท คุณอาจตั้งราคาเท่ากันหรือต่ำกว่าเล็กน้อยเพื่อดึงดูดลูกค้า

  1. การตั้งราคาตามคุณค่า (Value-Based Pricing)

หากสินค้าของคุณมีคุณภาพสูงหรือมีจุดเด่นที่แตกต่าง เช่น บรรจุภัณฑ์พรีเมียม บริการหลังการขาย หรือเป็นสินค้านำเข้าที่หายาก คุณสามารถตั้งราคาสูงขึ้นตามมูลค่าที่ลูกค้าได้รับ


ใช้สูตรคำนวณราคาขายให้ได้กำไร

เทคนิคการตั้งราคาให้ขายดีและดึงดูดลูกค้า

  1. การตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 หรือ 5
  • เช่น 199 บาท แทน 200 บาท หรือ 95 บาท แทน 100 บาท
  • ช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าราคาถูกลงและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
  1. การตั้งราคาแบบแพ็คเกจ (Bundle Pricing)
  • เช่น ซื้อ 1 ชิ้น 150 บาท แต่ซื้อ 2 ชิ้น 280 บาท (ลดราคาต่อชิ้น)
  • วิธีนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเยอะขึ้น
  1. การใช้โปรโมชั่นลดราคา (Discount Pricing)
  • ใช้เทคนิค “ลดราคาเฉพาะช่วงเวลา” เช่น Flash Sale หรือ 11.11 Sale
  • วิธีนี้ช่วยเพิ่มความเร่งด่วนในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
  1. การตั้งราคาพร้อมของแถม (Value-Added Pricing)
  • เช่น ซื้อเสื้อแจ็คเก็ตแถมผ้าพันคอ หรือซื้อครบ 500 บาท ได้รับคูปองส่วนลด 50 บาท

วิธีนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ามากขึ้น

การตั้งราคาพร้อมของแถม

การตั้งราคาตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

  1. ลูกค้าที่เน้นราคาถูก (Price-sensitive Customers)
  • ตั้งราคาถูกกว่าคู่แข่ง หรือขายเป็นแพ็คเซ็ตเพื่อเพิ่มความคุ้มค่า
  • ตัวอย่าง: ตั้งราคาขายแบบซื้อ 3 ชิ้นราคาถูกกว่าซื้อแยก
  1. ลูกค้าที่เน้นคุณภาพ (Quality-focused Customers)
  • ตั้งราคาสูงขึ้นเล็กน้อย และเน้นการตลาดว่าสินค้ามีคุณภาพสูงกว่าท้องตลาด
  • ตัวอย่าง: ใช้วัสดุเกรดพรีเมียม หรือรับประกันสินค้าฟรี 6 เดือน
  1. ลูกค้าระดับพรีเมียม (Luxury Customers)
  • ตั้งราคาสูงกว่าตลาด แต่เพิ่มบริการเสริม เช่น ส่งฟรี, บริการห่อของขวัญ หรือแพ็คเกจหรูหรา
  • ตัวอย่าง: กระเป๋าหนังแท้นำเข้าจากจีน อาจตั้งราคาสูงกว่ากระเป๋าทั่วไป แต่เน้นความพิเศษและเอกลักษณ์ของสินค้า
ลูกค้าระดับพรีเมียม

การทดสอบและปรับเปลี่ยนราคาให้เหมาะสม

การตั้งราคาไม่ใช่เรื่องตายตัว คุณควร ทดลองตั้งราคาหลายแบบ แล้วสังเกตผลตอบรับจากลูกค้า เช่น

  • หากลูกค้าซื้อสินค้าน้อย อาจต้องลดราคาหรือเพิ่มโปรโมชั่น
  • หากสินค้าขายดีเกินไป อาจลองเพิ่มราคาขึ้นทีละเล็กน้อย

เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ราคา ได้แก่ Google Trends, Shopee Insights, Lazada Seller Center ซึ่งสามารถช่วยให้คุณปรับราคาตามแนวโน้มของตลาดได้

ปรับเปลี่ยนราคาให้เหมาะสม

สรุป

การตั้งราคาขายสินค้าจากจีนให้ได้กำไรและแข่งขันในตลาดได้ ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ตั้งแต่การคำนวณต้นทุนให้ครบถ้วน การใช้สูตรการตั้งราคาที่เหมาะสม การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า และการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสามารถตั้งราคาที่ดึงดูดใจลูกค้าและยังคงทำกำไรได้ ย่อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว

  • ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้
  • สอนตั้งแต่เริ่มต้น จนชำนาญ
  • การันตีผู้เรียน 99.5% เมื่อเรียนจบคอร์ส สามารถสั่งสินค้าเองได้เลย
  • มีทริคและเทคนิคพิเศษในการสั่งสินค้าผ่านเว็บให้ เฉพาะนักเรียนของเราทั้งนั้น

พิเศษคอร์ส เรียนออนไลน์

3,500 เหลือเพียง 2,499 / ตลอดชีพ

คลิ๊ก ! ซื้อคอร์สเรียน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *