
การนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และผู้ประกอบการที่ต้องการสินค้าราคาถูกเพื่อนำมาขายต่อ แต่หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจคือ การตั้งราคาขายที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถทำกำไรได้โดยไม่เสียเปรียบคู่แข่ง
ในบทความนี้ เราจะมาดู เทคนิคการตั้งราคาขายสินค้าจีน อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถกำหนดราคาที่เหมาะสมและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
คำนวณต้นทุนที่แท้จริงให้ครบถ้วน
ก่อนที่จะตั้งราคาขาย ต้องคำนวณต้นทุนให้ครบถ้วน เพราะต้นทุนไม่ได้มีแค่ราคาสินค้า แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น
-
ราคาสินค้าต่อหน่วย
- หากซื้อจาก 1688 หรือ Taobao ราคาสินค้าจะถูกกว่า Alibaba แต่ต้องซื้อจำนวนมาก
- ควรเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อหาต้นทุนที่ดีที่สุด
-
ค่าขนส่งจากจีนมาไทย
- การขนส่งมีหลายรูปแบบ ได้แก่ ขนส่งทางเรือ (LCL, FCL), ขนส่งทางอากาศ และขนส่งด่วน (Courier Express)
- หากสินค้ามีน้ำหนักมาก อาจเลือกขนส่งทางเรือเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
-
ค่าภาษีนำเข้าและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- ภาษีนำเข้าอาจแตกต่างกันตามประเภทสินค้า ควรตรวจสอบก่อนนำเข้า
- ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าผ่านพิธีการศุลกากร และค่าดำเนินการของ Shipping
-
ค่าขนส่งภายในประเทศ
- ค่าจัดส่งให้ลูกค้าผ่านไปรษณีย์, Kerry, Flash หรือบริการขนส่งอื่น ๆ
- อาจต้องมีค่ากล่องบรรจุภัณฑ์หรือกันกระแทกเพิ่มเติม
-
ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและโฆษณา
- ค่าทำโฆษณา Facebook Ads, Google Ads, TikTok Ads
- ค่าจ้างอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หรือการทำ SEO สำหรับร้านค้าออนไลน์
หลังจากรวมต้นทุนทั้งหมดแล้ว จึงสามารถนำไปใช้คำนวณราคาขายได้

ใช้สูตรคำนวณราคาขายให้ได้กำไร
- วิธีการตั้งราคาขั้นต่ำ (Markup Pricing)
สูตรที่นิยมใช้ในการตั้งราคาขั้นต่ำคือ
ราคาขาย = ต้นทุนรวม + กำไรที่ต้องการ
เช่น หากต้นทุนรวมต่อชิ้นอยู่ที่ 100 บาท และต้องการกำไร 50 บาท ราคาขายขั้นต่ำที่ควรตั้งคือ 150 บาท
- การตั้งราคาตามเปอร์เซ็นต์กำไร (Profit Margin Pricing)
บางคนอาจใช้วิธีตั้งราคาตามเปอร์เซ็นต์ของกำไรที่ต้องการ เช่น
ราคาขาย = ต้นทุนรวม ÷ (1 – อัตรากำไรที่ต้องการ)
ตัวอย่าง:
- หากต้นทุนรวม = 100 บาท
- และต้องการกำไร 40%
- ราคาขาย = 100 ÷ (1 – 0.40) = 166.67 บาท
- การตั้งราคาตามคู่แข่ง (Competitive Pricing)
- เช็คราคาตลาดจาก Shopee, Lazada, TikTok Shop หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ
- หากคู่แข่งขายที่ 200 บาท คุณอาจตั้งราคาเท่ากันหรือต่ำกว่าเล็กน้อยเพื่อดึงดูดลูกค้า
- การตั้งราคาตามคุณค่า (Value-Based Pricing)
หากสินค้าของคุณมีคุณภาพสูงหรือมีจุดเด่นที่แตกต่าง เช่น บรรจุภัณฑ์พรีเมียม บริการหลังการขาย หรือเป็นสินค้านำเข้าที่หายาก คุณสามารถตั้งราคาสูงขึ้นตามมูลค่าที่ลูกค้าได้รับ

เทคนิคการตั้งราคาให้ขายดีและดึงดูดลูกค้า
- การตั้งราคาที่ลงท้ายด้วยเลข 9 หรือ 5
- เช่น 199 บาท แทน 200 บาท หรือ 95 บาท แทน 100 บาท
- ช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าราคาถูกลงและกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
- การตั้งราคาแบบแพ็คเกจ (Bundle Pricing)
- เช่น ซื้อ 1 ชิ้น 150 บาท แต่ซื้อ 2 ชิ้น 280 บาท (ลดราคาต่อชิ้น)
- วิธีนี้ช่วยเพิ่มยอดขายและกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเยอะขึ้น
- การใช้โปรโมชั่นลดราคา (Discount Pricing)
- ใช้เทคนิค “ลดราคาเฉพาะช่วงเวลา” เช่น Flash Sale หรือ 11.11 Sale
- วิธีนี้ช่วยเพิ่มความเร่งด่วนในการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
- การตั้งราคาพร้อมของแถม (Value-Added Pricing)
- เช่น ซื้อเสื้อแจ็คเก็ตแถมผ้าพันคอ หรือซื้อครบ 500 บาท ได้รับคูปองส่วนลด 50 บาท
วิธีนี้ช่วยเพิ่มมูลค่าของสินค้าทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุ้มค่ามากขึ้น

การตั้งราคาตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
- ลูกค้าที่เน้นราคาถูก (Price-sensitive Customers)
- ตั้งราคาถูกกว่าคู่แข่ง หรือขายเป็นแพ็คเซ็ตเพื่อเพิ่มความคุ้มค่า
- ตัวอย่าง: ตั้งราคาขายแบบซื้อ 3 ชิ้นราคาถูกกว่าซื้อแยก
- ลูกค้าที่เน้นคุณภาพ (Quality-focused Customers)
- ตั้งราคาสูงขึ้นเล็กน้อย และเน้นการตลาดว่าสินค้ามีคุณภาพสูงกว่าท้องตลาด
- ตัวอย่าง: ใช้วัสดุเกรดพรีเมียม หรือรับประกันสินค้าฟรี 6 เดือน
- ลูกค้าระดับพรีเมียม (Luxury Customers)
- ตั้งราคาสูงกว่าตลาด แต่เพิ่มบริการเสริม เช่น ส่งฟรี, บริการห่อของขวัญ หรือแพ็คเกจหรูหรา
- ตัวอย่าง: กระเป๋าหนังแท้นำเข้าจากจีน อาจตั้งราคาสูงกว่ากระเป๋าทั่วไป แต่เน้นความพิเศษและเอกลักษณ์ของสินค้า

การทดสอบและปรับเปลี่ยนราคาให้เหมาะสม
การตั้งราคาไม่ใช่เรื่องตายตัว คุณควร ทดลองตั้งราคาหลายแบบ แล้วสังเกตผลตอบรับจากลูกค้า เช่น
- หากลูกค้าซื้อสินค้าน้อย อาจต้องลดราคาหรือเพิ่มโปรโมชั่น
- หากสินค้าขายดีเกินไป อาจลองเพิ่มราคาขึ้นทีละเล็กน้อย
เครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ราคา ได้แก่ Google Trends, Shopee Insights, Lazada Seller Center ซึ่งสามารถช่วยให้คุณปรับราคาตามแนวโน้มของตลาดได้

สรุป
การตั้งราคาขายสินค้าจากจีนให้ได้กำไรและแข่งขันในตลาดได้ ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ตั้งแต่การคำนวณต้นทุนให้ครบถ้วน การใช้สูตรการตั้งราคาที่เหมาะสม การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า และการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายอย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณสามารถตั้งราคาที่ดึงดูดใจลูกค้าและยังคงทำกำไรได้ ย่อมช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในระยะยาว

- ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้
- สอนตั้งแต่เริ่มต้น จนชำนาญ
- การันตีผู้เรียน 99.5% เมื่อเรียนจบคอร์ส สามารถสั่งสินค้าเองได้เลย
- มีทริคและเทคนิคพิเศษในการสั่งสินค้าผ่านเว็บให้ เฉพาะนักเรียนของเราทั้งนั้น
พิเศษคอร์ส เรียนออนไลน์
3,500 เหลือเพียง 2,499 / ตลอดชีพ