
การนำเข้าแก้วเก็บอุณหภูมิจากจีนเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขายสินค้าคุณภาพในราคาต้นทุนต่ำ แต่ก่อนกดสั่งซื้อ ควรตรวจสอบสิ่งสำคัญเหล่านี้ก่อนเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไร

- คุณภาพและวัสดุของแก้วเก็บอุณหภูมิ
- ตรวจสอบวัสดุที่ใช้ เช่น สแตนเลส 304 (Food Grade) ซึ่งปลอดภัยและทนทาน
- ดูรายละเอียดเกี่ยวกับ ฉนวนสุญญากาศ ว่าสามารถรักษาอุณหภูมิได้นานแค่ไหน
- อ่านรีวิวจากผู้ซื้อก่อนหน้า หรือขอตัวอย่างสินค้ามาทดสอบก่อนสั่งล็อตใหญ่
- มาตรฐานและการรับรองคุณภาพ
- ตรวจสอบว่าสินค้าได้รับการรับรองมาตรฐานสากล เช่น
- FDA (สหรัฐอเมริกา) หรือ LFGB (ยุโรป) สำหรับสินค้าที่สัมผัสอาหาร
- ISO 9001 รับรองกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพ
- หากนำเข้ามาขายในไทย ควรเช็กว่าต้องมีใบรับรองอะไรเพิ่มเติมหรือไม่
- ราคาต่อหน่วยและต้นทุนแฝง
- เปรียบเทียบราคาจากหลายร้านค้าในเว็บ 1688, Taobao, Alibaba
- ตรวจสอบ ค่าขนส่ง ภายในจีนและค่าขนส่งมายังไทย
- เช็ก ค่าภาษีนำเข้า และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าผ่านพิธีศุลกากร
- เงื่อนไขการสั่งซื้อและ MOQ (ขั้นต่ำในการสั่งซื้อ)
- โรงงานบางแห่งมี MOQ (Minimum Order Quantity) สูง ควรเลือกผู้ขายที่รับสั่งจำนวนน้อยหากเพิ่งเริ่มทดลองตลาด
- ดูเงื่อนไขการผลิต เช่น ใช้เวลาผลิตกี่วัน? สามารถสกรีนโลโก้แบรนด์ได้หรือไม่?
- วิธีขนส่งและศุลกากร
- เลือกวิธีขนส่งที่เหมาะสม:
- ทางอากาศ – เร็ว แต่ค่าขนส่งแพง
- ทางเรือ – ราคาถูกกว่า แต่ใช้เวลานาน
- ชิปปิ้งมืออาชีพ – เหมาะสำหรับมือใหม่ ช่วยเคลียร์ศุลกากรให้
- ตรวจสอบว่าสินค้าต้องมี ใบอนุญาตนำเข้า หรือไม่

การนำเข้าแก้วเก็บอุณหภูมิจากจีนให้ได้กำไรสูง ไม่ใช่แค่การซื้อในราคาถูกที่สุด แต่ต้องบริหารต้นทุนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกสินค้า ขนส่ง ไปจนถึงภาษีศุลกากร นี่คือเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณลดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้มากขึ้น
- เลือกแหล่งซื้อที่ต้นทุนต่ำที่สุด
🔹 เปรียบเทียบราคาในหลายแพลตฟอร์ม เช่น
- 1688.com – สำหรับสั่งซื้อจำนวนมาก ราคาต่อหน่วยถูกกว่า
- Alibaba.com – เหมาะกับการนำเข้าล็อตใหญ่ พร้อมต่อรองราคาได้
- Taobao.com – เหมาะกับการซื้อจำนวนน้อย แต่ราคาต่อหน่วยสูงกว่า
🔹 ติดต่อโรงงานโดยตรงแทนการซื้อจากพ่อค้าคนกลาง
- ค้นหา โรงงานผลิต โดยตรงจาก 1688 หรือ Alibaba เพื่อลดต้นทุนพ่อค้าคนกลาง
- ต่อรองราคาเมื่อสั่งซื้อปริมาณมาก
- ลดต้นทุนการขนส่ง
🚢 เลือกวิธีขนส่งที่คุ้มค่าที่สุด
- ทางอากาศ – เร็ว แต่แพง เหมาะกับสินค้าจำนวนน้อย
- ทางเรือ – ราคาถูกกว่ามาก แต่ใช้เวลานาน เหมาะกับการนำเข้าล็อตใหญ่
- Shipping แบบเหมาจ่าย – บางบริษัทมีค่าขนส่งแบบเหมาจ่าย ซึ่งช่วยลดต้นทุน
🚚 ใช้บริการชิปปิ้งที่มีค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่าง
- บริการ “รวมภาษี” อาจคุ้มกว่าการแยกจ่ายเอง
- เปรียบเทียบราคาชิปปิ้งหลายเจ้า เพื่อหาตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด
- ลดต้นทุนต่อหน่วยโดยสั่งผลิตตามสเปคที่จำเป็น
🔹 เลือกวัสดุที่เหมาะสม
- สแตนเลส 304 (Food Grade) ทนทานและคุณภาพดี แต่ถ้าเน้นต้นทุนต่ำ อาจเลือกสแตนเลส 201 ซึ่งราคาถูกกว่า
🔹 เลือกขนาดและดีไซน์ที่คุ้มค่าที่สุด
- ขนาดยอดนิยม เช่น 500ml – 600ml มักมีราคาถูกกว่าขนาดพิเศษ
- หลีกเลี่ยงดีไซน์ซับซ้อนหรือวัสดุพิเศษที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
- ลดต้นทุนภาษีนำเข้าและศุลกากร
ใช้พิกัดภาษีที่เหมาะสม
- แก้วเก็บอุณหภูมิอาจถูกจัดอยู่ในหมวด Thermos หรือ Household Goods ซึ่งมีอัตราภาษีต่างกัน ควรให้ชิปปิ้งช่วยตรวจสอบ
- ใช้วิธี Shipping แบบรวมภาษี หากคำนวณแล้วต้นทุนถูกกว่า
- เพิ่มกำไรด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม
Branding และ Packaging
- สกรีนโลโก้บนแก้ว เพิ่มมูลค่าและตั้งราคาขายสูงขึ้น
- ใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดูพรีเมียม แต่ไม่เพิ่มต้นทุนมาก
ตั้งราคาขายให้คุ้มค่า
- ศึกษาราคาตลาดและตั้งราคาขายที่เหมาะสม
- ทำโปรโมชั่น เช่น ซื้อ 2 แถม 1 เพื่อกระตุ้นยอดขาย

การนำเข้าแก้วเก็บอุณหภูมิจากจีน นอกจากการเลือกสินค้าที่ต้นทุนคุ้มค่าแล้ว ยังต้องตรวจสอบมาตรฐานและคุณภาพให้แน่ใจว่าสามารถขายในตลาดไทยหรือประเทศปลายทางได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย มาดูกันว่ามาตรฐานสำคัญที่ต้องเช็กมีอะไรบ้าง
- ตรวจสอบวัสดุที่ใช้ผลิต (Material Safety Standards)
วัสดุภายนอก
- สแตนเลสเกรด 304 (Food Grade) – ปลอดภัย ไม่เป็นสนิม ทนทาน
- สแตนเลสเกรด 201 – ราคาถูกกว่าแต่อาจเกิดสนิมได้ง่าย
- พลาสติก BPA-Free – หากมีฝาปิดหรือชิ้นส่วนพลาสติก ต้องปลอดสาร BPA
วัสดุฉนวนกันความร้อน
- Vacuum Insulated (ฉนวนสุญญากาศ) – คงอุณหภูมิได้นานขึ้น
- Double-Wall Stainless Steel – ป้องกันอุณหภูมิรั่วไหล
- มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร (Food Contact Safety Standards)
ถ้าแก้วเก็บอุณหภูมิสัมผัสอาหารหรือเครื่องดื่ม ควรได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น
- FDA (สหรัฐอเมริกา) – มาตรฐานด้านความปลอดภัยของวัสดุที่สัมผัสอาหาร
- LFGB (เยอรมนี/ยุโรป) – เข้มงวดกว่ามาตรฐาน FDA เหมาะกับการขายในยุโรป
- SGS Certification – การทดสอบคุณภาพและความปลอดภัยของวัสดุ
- CE (ยุโรป) – ถ้าขายในยุโรป ต้องมีเครื่องหมาย CE เพื่อยืนยันว่าผ่านข้อกำหนด
- มาตรฐานการผลิตและคุณภาพ (Manufacturing & Quality Standards)
เพื่อให้มั่นใจว่าโรงงานผลิตได้มาตรฐาน ควรตรวจสอบการรับรองต่อไปนี้:
- ISO 9001 – ระบบบริหารคุณภาพของโรงงาน
- BSCI (Business Social Compliance Initiative) – มาตรฐานด้านแรงงานและความรับผิดชอบทางสังคม
- RoHS (Restriction of Hazardous Substances) – มาตรฐานยุโรปเกี่ยวกับสารอันตรายในผลิตภัณฑ์
- การตรวจสอบมาตรฐานก่อนนำเข้าสินค้า (Product Inspection & Testing)
ก่อนนำเข้า ควรให้โรงงานหรือบริษัทตรวจสอบคุณภาพสินค้า (QC) เพื่อป้องกันปัญหาสินค้าไม่ได้มาตรฐาน เช่น:
ตรวจสอบการเก็บอุณหภูมิ – ว่าสามารถเก็บร้อน/เย็นได้นานตามที่ระบุ
ตรวจสอบรอยรั่ว – เทน้ำร้อนลงไปแล้วดูว่ามีการรั่วซึมหรือไม่
ทดสอบความทนทาน – ตรวจสอบความแข็งแรงของวัสดุ ฝาปิด และโครงสร้าง
- มาตรฐานการนำเข้าและศุลกากรไทย (สำหรับตลาดไทย)
เมื่อนำเข้าแก้วเก็บอุณหภูมิเข้าไทย ควรตรวจสอบข้อกำหนดด้านศุลกากร เช่น
พิกัดศุลกากร (HS Code)
- แก้วเก็บอุณหภูมิมักอยู่ในหมวด Thermal Flask หรือ Vacuum Cup
- อัตราภาษีและ VAT อาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า
เอกสารที่ต้องใช้
- ใบรับรองมาตรฐาน (เช่น FDA, LFGB)
- ใบกำกับสินค้า (Invoice) และใบรายการบรรจุภัณฑ์ (Packing List)
สรุป
การนำเข้าสินค้าจากจีนประเภทแก้วเก็บอุณหภูมิจากเว็บจีนต้องคำนึงถึง คุณภาพ มาตรฐาน ต้นทุน เงื่อนไขสั่งซื้อ และการขนส่ง หากเช็กครบทั้ง 5 ข้อนี้ จะช่วยให้คุณนำเข้าได้อย่างมั่นใจ ไม่ขาดทุน และสามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ!
นอกจากนี้หากท่านต้องการเรียนรู้เพื่อเติมเกี่ยวกับการสั่งของจากจีน เรามีคอร์สสอนสั่งของจากจีนมาแนะนำ เพื่อให้คุณสามารถไปต่อยอดกับธุรกิจของคุณได้อีกด้วย

- ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้
- สอนตั้งแต่เริ่มต้น จนชำนาญ
- การันตีผู้เรียน 99.5% เมื่อเรียนจบคอร์ส สามารถสั่งสินค้าเองได้เลย
- มีทริคและเทคนิคพิเศษในการสั่งสินค้าผ่านเว็บให้ เฉพาะนักเรียนของเราทั้งนั้น
พิเศษคอร์ส เรียนออนไลน์
3,500 เหลือเพียง 2,499 / ตลอดชีพ